ที่มาสำนักงานบัญชี
เพราะเราไม่อยากให้ใคร ต้องมาเจอปัญหาแบบเดียวกันอีกต่อไป
จุดเริ่มต้น
ตอนแรกผมก็เหมือนใครหลายๆคนที่จบมาใหม่ก็ทำงานหาเงิน ซึ่งอาชีพๆแรกๆเลยที่พอจะเลี้ยงตัวเองได้ก็คือการทำ Dropship และ e-Commerce จริงๆถ้าจะพูดให้ง่ายๆก็คือการขายของออนไลน์เนี่ยล่ะ เพียงแต่ว่าไม่ต้องกักตุนซื้อสินค้ามาขายแต่แรก แต่ไปทำการขายให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปสั่งซื้อจาก Supplier อีกที แถมบอกให้ไปส่งให้ลูกค้าปลายทางเราด้วย
ทำไปสักพักรายได้ก็ดีพอสมควร กำไรเดือนๆหนึ่ง 2-3 แสนเป็นเรื่องปกติ ก็เริ่มอยากทำธุรกิจอื่นๆเพิ่ม เราก็จ้างคนอื่นมาดูแลแทน คอยรับออเดอร์ สั่งของแทนเราเอง แก้ปัญหาลูกค้า ส่วนเราก็จะไปหาอย่างอื่นทำเพิ่มอีก
ปัญหามันก็อยู่ตรงนี้แหละ เพราะว่าเราประมาทไม่วางระบบตรวจสอบดูแลให้ดี ซึ่งกว่าที่เราจะรู้ตัวขึ้นมา และพอแก้ไขปัญหาอะไรได้ทัน บัญชีผู้ขายของเราก็มีปัญหาถูกปิดไปซะก่อน ทำให้รายได้ทางแรกของเราหายไปในชั่วข้ามคืน
ธุรกิจแรก
โชคดีที่ตอนนั้นได้เริ่มเปิดบริษัทแรกของตัวเองขึ้นมา เพราะว่าตั้งใจอยากทำธุรกิจซื้อมาขายไปให้มันดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ไม่ใช่แค่ซื้อของสั่งของออนไลน์ เพราะเราก็เริ่มมีการติดต่อกับ Supplier ระดับโรงงานที่ต่างประเทศ แล้วก็ขายไปที่ต่างประเทศแล้วด้วย
ประเด็น คือว่า โมเดลธุรกิจของเรามันไม่ได้อยู่ในรูปแบบปกติเหมือนคนอื่นๆที่ซื้อของมาแล้วก็ขายออกไป มันมีทั้งขายก่อนซื้อ ฝากขายแบบ Consignment วางขายแบบหักคิดค่าเช่าวางคอม และมีส่วนคอมมิชชั่นเพิ่มจากยอดขาย อีกทั้งยังมีเรื่องการซื้อขายผ่านช่องทางการประมูลอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือ ธุรกรรมมีความเกี่ยวข้องกันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ดังนั้นเรื่องนำเข้าส่งออกก็ต้องมี จุดรับรู้รายได้รายจ่าย ภาษีต่างๆก็ค่อนข้างซับซ้อน สำนักงานบัญชีส่วนใหญ่ก็เลยค่อนข้างไม่ค่อยอยากจะรับงานเราสักเท่าไร หรือ ถ้าจะรับทำก็บันทึกแบบรวมๆเพื่อส่งภาษีเท่านั้น เอามาวิเคราะห์ธุรกิจอะไรไม่ได้เลย
ขอคืนภาษี
ตอนเปิดบริษัทแรกนั้น ยอมรับว่าพื้นฐานความรู้ทางด้านบัญชี ภาษีนี้แทบจะไม่มีเลย การเป็นเจ้าของกิจการมือใหม่ แค่วิ่งหาลูกค้า ช่องทางการจัดจำหน่าย ควบคุมดูแลคุณภาพ ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว เรื่องบัญชีภาษีตอนแรกเลยว่าจ้างสำนักงานบัญชีทั่วไปให้จัดการยื่นภาษีให้ ปิดงบรายปีให้เรียบร้อยก็แค่นั้น
แต่ว่าเนื่องจากธุรกิจของเราเกี่ยวข้องกับการประมูล และการส่งออก ดังนั้นมันมีสิ่งที่ต้องทำก็คือ การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะว่าเรามีแต่ภาษีซื้อที่จ่ายออกไป ในขณะที่ภาษีขายนั้นเราไม่ได้เก็บด้วยตัวเอง แต่เป็นคนอื่นที่ต้องเก็บส่งให้แทนเราตามกฎหมายกำหนด ปัญหามันก็เกิดขึ้นเพราะว่า การขอคืนภาษีนั้นต้องมีการตรวจสอบ และผลเบื้องต้นตั้งแต่ครั้งแรกก็คือ กรมสรรพากรเขาไม่ยอมคืนภาษีให้
เงินที่ขอคืนไปรวมๆกันก็เป็นหลักล้านบาท ซึ่งก็เป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย สิ่งที่โดนตรวจสอบก็ทุกเรื่องตั้งแต่เอกสาร สอบยันใบกำกับภาษี รายงานสินค้า และวัตถุดิบคงเหลือ พื้นฐานๆทั่วๆไป แต่เนื่องจากโมเดลธุรกิจเราก็เป็นแบบที่สรรพากรก็ไม่เคยตรวจมาก่อน ก็มีความเห็นที่แตกต่างกันไปว่าทำผิดกฎหมายบ้าง ทำเอกสารผิดบ้าง ซึ่งเราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเราทำถูกแล้วเนื่องจากก็หาข้อมูลมาดีก่อนจะเริ่มทำซะอีก ก็ต้องส่งเรื่องตรวจสอบกับฝ่ายกฎหมายของกรมสรรพากรอีก
มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมาน และยาวนาน เงินก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้คืน ถ้าปรากฎว่าเราทำผิดกฎหมายเองจริงๆอีกจะโดนค่าปรับอีกเท่าไรนับไม่ถ้วน ไหนจะข้อเสนอว่าเอาเงินคืนเท่านี้ๆพอ แล้วจบเรื่อง ซึ่งถ้าเรายอมก็จะได้เงินคืนมาไม่ครบ ขาดทุนโดยใช่เหตุอีก ข้อกฎหมายตัวเองก็ไม่แม่น ไม่รู้จะทำอย่างไร เปลี่ยนสำนักงานบัญชี เปลี่ยนคนทำบัญชี จ้างคนมีประสบการณ์มาก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไร ทุกคนล้วนพูดเหมือนกันว่าสู้สรรพากรไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันขึ้นกับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่เขา ยอมได้ก็ควรยอมไปจะได้จบ
จุดเปลี่ยน
จริงๆก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเป็นคนหัวขบถ และไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ เลยตัดสินใจว่าถ้าธุรกิจแรกของเราจะเจ๊งก็เพราะว่าขอคืนภาษีไม่ได้แล้วละก็ ต้องลองสู้ดูสักตั้งให้รู้เรื่องไปว่า ทำธุรกิจตรงไปตรงมาแล้วมันไม่รอด ถ้าต้องจ่ายใต้โต๊ะถึงจะไปต่อได้จะได้เลิกทำไปเลย ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า
ระหว่างที่รอการเรียกตรวจสอบเพิ่มเติม ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม ก็อ่านข้อกฎหมาย อ่านหนังสือ เข้าคอร์สเรียนเรื่องบัญชีภาษี ไปอบรมกับกรมสรรพากร โทรคุยกับเพื่อนที่ทำงานทั้งที่เป็นผู้สอบบัญชี และในกรมสรรพากร จนมีความมั่นใจในข้อกฎหมายที่จะเอาไปตอบข้อโต้แย้ง และอธิบายต่างๆได้อย่างถูกต้อง ก็ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองปีกว่าๆเกือบสองปี สุดท้ายก็ได้เงินภาษีมูลค่าเพิ่มคืนมาทั้งหมด 100% โดยไม่ต้องจ่ายใต้โต๊ะแม้แต่บาทเดียว
หลังจากนั้นมาก็มีคนรู้จัก และเพื่อนพี่ๆที่ทำธุรกิจเข้ามาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องบัญชีภาษีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเราก็ให้ความช่วยเหลือไปโดยตลอดโดยไม่ได้คิดเงิน ซึ่งเรื่องที่ยังเป็นปัญหาในระยะยาวต่อมาก็คือคนที่จะมาช่วยเราดูแลบริหารจัดการเรื่องบัญชีภาษี เพราะว่าเราไปสู้ ไปจัดการกับปัญหามาด้วยตัวเองก็จะรู้ว่าอะไรที่ต้องทำให้ละเอียด ให้พร้อมตรวจสอบในวันหลัง มาตรฐานที่เราต้องจัดทำจัดเก็บระบบเอกสาร และข้อมูลเลยมีค่อนข้างสูงกว่าปกติ ซึ่งสำนักงานบัญชีทั่วๆไปจะไม่ค่อยอยากจะทำให้แน่นอนเพราะเกินหน้าที่โดยปกติที่จะตกลงกันในราคาแค่เดือนละไม่กี่พันบาท ฉะนั้นเลยเป็นที่มาทำให้มีความคิดที่จะต้องจ้าง In-House เพื่อจัดการบัญชีภายในบริษัทตัวเอง
กำแพงที่ต้องข้าม
หลังจากเปลี่ยนสำนักงานบัญชีไปไม่ต่ำกว่า 4-5 ราย เพราะไม่สามารถทำตามเงื่อนไขที่เราต้องการได้ ซึ่งสิ่งที่เราต้องการนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะทำให้เราไม่ต้องกลับไปเจอปัญหาแบบเดิมๆอีกกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ก็เลยตัดสินใจว่าจ้างพนักงานบัญชี in-house เองซะเลย ซึ่งก็ทำให้เจอปัญหาอื่นๆอีกที่ตามมา
ต้นทุนในการว่าจ้างผู้จัดการบัญชีที่มีประสบการณ์ และความเข้าใจดีๆสักคนไม่น้อยเลยต่อเดือน ยิ่งไปกว่านั้นประสบการณ์บางครั้งก็มากับความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับตัวให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน ความเชื่อที่ว่าถูกที่ว่าดี เพียงเพราะทำกันมานานโดยไม่มีข้ออ้างอิงทางกฎหมายนั้นไม่สามารถนำเป็นแนวทางการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐานให้กับบริษัทได้ ฉะนั้นการที่จะค้นหาคนที่เหมาะสม และมีแนวคิดในทางเดียวกันได้นั้นต้องใช้เวลา
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของระบบซอฟต์แวร์ทางบัญชีที่ประเด็นสำคัญ เพราะเราต้องการทำบัญชีบนระบบออนไลน์ สามารถเข้าถึงจากที่ไหนก็ได้แต่โปรแกรมออนไลน์ที่มีในท้องตลาดในปัจจุบันก็มีข้อดีข้อเสีย และข้อจำกัดต่างๆอีกมากมายที่เราต้องทดลองผิดถูก ก่อนนำมาใช้งานได้จริง ยิ่งมีความยืดหยุ่น และซับซ้อนมากขึ้นเท่าไร ระบบของซอฟต์แวร์ก็ดูเหมือนจะแพงขึ้นเข้าไปทุกที
พอเจอปัญหาตรงนี้หลายๆอย่าง ก็รู้สึกว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจเหมือนกันนะ เพราะเชื่อว่ามีคนทำธุรกิจในรูปแบบบริษัทอีกหลายๆคนที่เป็น SME ที่กำลังเติบโต และอยากเข้าระบบให้มันถูกต้อง ตรวจสอบได้ และทันสมัย ซึ่งเป็นความต้องการแบบเดียวกับที่เราพยายามจะทำให้เป็นอยู่ ซึ่งโอเคถึงแม้ว่าอาจจะมีไม่ได้เยอะมากในบ้านเรา แต่เชื่อว่ามันต้องมี และก็คงติดปัญหาแบบเดียวกับเราในการเริ่มต้น
จากประสบการณ์ที่ช่วยวางระบบ และให้คำแนะนำกับบริษัทของคนรู้จักไปมากมาย ก็เลยตัดสินใจเปิดสำนักงานบัญชีของตัวเองขึ้นมา ชื่อว่า บริษัท โพสิทีฟ แคชโฟลว์ จำกัด ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษคำว่า POSITIVE CASHFLOW แปลว่า กระแสเงินสดบวก หมายถึงธุรกิจจะมีเงินเข้ามากกว่าเงินออกเสมอ โดยตั้งใจว่าอยากจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์แบบเดียวกัน สามารถเติบโตได้ในประเทศอย่างมั่นคง และมั่นใจ ไม่ต้องกลัวหน่วยงานภาครัฐ และไม่ต้องเจอปัญหาแบบที่เราเคยเจอมาก่อนอีกต่อไป
ไร้ข้อจำกัดด้วยเทคโนโลยี
บริษัท โพสิทีฟ แคชโฟลว์ จำกัด เป็นสำนักงานบัญชีที่ให้บริการผ่านระบบ Cloud Accounting หรือ พูดง่ายๆก็คือทำบัญชีบนระบบอินเตอร์เน็ตทั้งหมด โดยเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับธุรกิจในแต่ละประเภทของลูกค้าซึ่งอาจมีความซับซ้อน และเงื่อนไขทางธุรกิจที่แตกต่างกัน ซึ่งสำนักงานบัญชีของเราก็ได้ให้บริการออกแบบระบบบัญชีให้ธุรกิจมาแล้วหลายอุตสาหกรรมตั้งแต่ ธุรกิจการศึกษา และฝึกอบรม ธุรกิจที่ปรึกษา ธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา และการตลาด ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ธุรกิจศูนย์อาหาร ธุรกิจครัวกลาง ธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า ธุรกิจซื้อมาขายไป นำเข้า-ส่งออก และ e-Commerce และอื่นๆอีกมากมาย
ทีมงานนอกจากมีความเชี่ยวชาญในเรื่องบัญชีภาษีกฎหมาย ยังมีความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยี และโมเดลธุรกิจที่หลากหลายเป็นอย่างดี ทำให้สามารถออกแบบระบบ หรือ แนะนำการบริหารจัดการให้กับผู้ประกอบการเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยรวมในระยะยาว โดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยเพื่อลดงานซ้ำซากที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น การทำระบบออโตเมชั่นเชื่อมต่อระหว่างเวปไซต์ e-Commerce หรือ Marketplace เพื่อให้บันทึกการขายทันที และสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ด้วยตัวเอง หรือ จะเป็นการวางระบบใหม่ให้เชื่อมต่อกับระบบเดิมที่มีอยู่เช่น ระบบศูนย์อาหารที่มีหลายสาขา และอยู่คนละพื้นที่ให้ส่งข้อมูลมาที่ส่วนกลาง และทำการลงบันทึกบัญชีจากฝ่ายต่างๆเข้าที่สำนักงานใหญ่เพื่อตรวจสอบได้แบบ Real-Time
เนื่องจากทีมงานมีประสบการณ์ในการเข้าพบหน่วยงานภาครัฐอยู่เป็นประจำ และเข้าใจเงื่อนไขต่างๆของกฎหมายที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำทำให้สามารถออกแบบระบบที่ง่ายต่อการตรวจสอบสำหรับทั้งเจ้าของ และหน่วยงานภาครัฐทำให้การตรวจทานเป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และนี่คือเคล็ดลับอย่างหนึ่งในการที่ทำให้ขอคืนภาษีที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ
หุ้นส่วน และที่ปรึกษา
พวกเราทีมงานบริษัท โพสิทีฟ แคชโฟลว์ จำกัด ไม่ได้มองตัวเองเป็นสำนักงานบัญชีทั่วๆไปที่ผู้ประกอบการให้ช่วยส่งภาษีรายเดือน หรือ ปิดงบบัญชีรายปีเท่านั้น แต่มองตัวเองเป็นเสมือนหนึ่งในหุ้นส่วน และที่ปรึกษาที่ต้องการให้ธุรกิจของลูกค้าทุกคนเติบโตไปอย่างมั่นคง และถูกต้อง ซึ่งนอกจากการทำบัญชีภาษีรายเดือนแล้ว พวกเรายังมีการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ การออกแบบโครงสร้างบริษัท การลงทุน หรือ เสนอขายหุ้นเพื่อเพิ่มทุน หรือ การวางแผนลดทุนอย่างมีประสิทธิภาพและยุติธรรมให้ลูกค้าได้อีกด้วย
พวกเรายึดถือความสำคัญ และสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าพบเพื่อชี้แจงกรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานประกันสังคม กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือแม้แต่ การเข้าไปเป็นพยานเพื่อเป็นหลักฐานในคดีความทางแพ่ง และอาญาที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในธุรกิจก็ทำมาหมดแล้วทั้งนั้น
ดูแลเหมือนธุรกิจตัวเอง
บริษัท โพสิทีฟ แคชโฟลว์ เป็นหนึ่งบริษัทที่เป็นธุรกิจในเครือของพวกเรา ฉะนั้นมาตรฐานที่เราให้บริการลูกค้าทุกๆคนก็คือ ดูแลลูกค้าให้ได้มาตรฐานเหมือนกับที่เราทำให้กับบริษัทในเครือทุกบริษัทของพวกเราเอง พวกเราวางแผนทางด้านบัญชีอย่างไร หรือ วางแผนสำหรับการประหยัดภาษีที่สุดให้กับตัวเองอย่างไร เราก็ทำแบบเดียวกับลูกค้าของเราทุกคน
นอกจากนี้ พวกเราได้ผ่านการตรวจสอบ ทั้งเรื่องบัญชี ภาษีในประเด็นต่างๆ รวมไปถึงการขอคืนภาษีมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเราทำซ้ำได้ เพราะว่าหลักการ และวิธีการที่นำไปใช้จริงนั้นถูกทดสอบแล้วมาในหลายๆครั้งในทางปฏิบัติ และถึงแม้จะมีปัญหาใหม่ๆเกิดขึ้นมา เราก็พร้อมจะแก้ไขไปด้วยกันพร้อมกับลูกค้าคนสำคัญของเราทุกคน
สุดท้ายนี้หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่เชื่อว่า การทำธุรกิจให้ถูกต้องในประเทศไทยมันเป็นไปได้ และอาจต้องการความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากพวกเรา กดปุ่มด้านล่างนี้เพื่อติดต่อพวกเราได้เลยทันที
ถ้าคุณคือคนที่ใช่…อย่ารอช้า!
พวกเราให้คำปรึกษาได้เพียง 10 เคส ต่อเดือนเท่านั้น
คลิกที่ปุ่ม เพื่อตรวจสอบว่าเรายังเปิดรับสมัครเคสเพิ่มในเดือนนี้หรือไม่
หมายเหตุ : การลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษา ไม่ได้การันตีว่าจะได้ใช้บริการของเราทั้งหมด
บริษัท โพสิทีฟ แคชโฟลว์ จำกัด
112 ห้อง 1-3 ซ.สุขุมวิท 66/1 แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
info@positivecf.com