หลักเกณฑ์การเลือกจ้าง
บัญชี Outsource หรือ บัญชี In-House
ความเหมาะสมในการทำบัญชีของแต่ละธุรกิจไม่เหมือนกัน แล้วมีปัจจัย และข้อดี ข้อเสียอะไรบ้างล่ะ ที่เจ้าของกิจการควรจะรู้ก่อนตัดสินใจ

รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ไม่แพ้อนาถ
รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เป็นคำพูดที่พูดกันติดปาก เพื่อแสดงให้เห็นว่า การรู้และเข้าใจข้อมูลทุกด้านอย่างรอบคอบ และรอบด้าน นั้นส่งผล ต่อการจะชนะในการรบ และการทำธุรกิจก็ไม่ได้ต่างจากการเข้าสู่สมรภูมิรบมากนักหรอก จริงไหม ?
การเลือกวิธีการทำบัญชีก็เช่นกัน อะไรที่ใครว่าดี อาจจะไม่ได้ดีกับธุรกิจคุณเสมอไป เพราะไม่ว่าจะเป็นการทำบัญชีด้วยตัวเอง การมีฝ่ายบัญชีในบริษัท หรือการจ้างสำนักงานบัญชีมาทำงานให้ ก็ต่างมีข้อดีข้อเสีย และความเหมาะสมที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละธุรกิจทั้งสิ้น ซึ่งคุณควรที่จะเข้าใจข้อดีข้อเสียของการทำงานในทุกรูปแบบเสียก่อน ก่อนการตัดสินใจเลือกรูปแบบการทำบัญชี เพื่อคิดให้ครอบคลุม เลือกสิ่งที่เหมาะสมกับคุณ ธุรกิจของคุณและคนในองค์กรของคุณ รวมถึงป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด
ทางเลือกที่ 1 : ทำบัญชีด้วยตัวเอง
การทำบัญชีด้วยตัวเอง เหมาะสำหรับคนที่มีความรู้ด้านบัญชี หรือคนที่พึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจที่อาจจะยังไม่ได้มีรายละเอียดบัญชีที่ซับซ้อนและพอที่จะทำบัญชีด้วยตัวเองได้ หากใครไม่มีความรู้ทางด้านบัญชีเลย อาจจะต้องใช้เวลาศึกษาเพิ่มเติม หรือยังไม่เหมาะกับวิธีนี้เท่าไหร่นัก
ข้อดี
แน่นอนว่าการทำบัญชีด้วยตัวเอง เป็นทางเลือกที่
– ประหยัดต้นทุน และค่าใช้จ่ายมากที่สุด ถ้าคุณมีความรู้เกี่ยวกับบัญชีมากเพียงพอ คุณก็สามารถที่จะทำบัญชีด้วยตัวเองได้
– คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดต่างๆได้ เพราะคุณเป็นคนจัดเก็บและลงมือทำมันเองทั้งหมด
ข้อเสีย
– หากธุรกิจคุณเริ่มมีขนาดใหญ่หรือมีรายละเอียดที่ซับซ้อน ย่อมมีโอกาสผิดพลาดสูง
– หากคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีมากพอ คุณจะมีโอกาสทำผิดพลาด และต้องเสียค่าปรับภายหลัง
– หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่จะต้องคอยบริหารจัดการธุรกิจและทำเงิน คุณมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในการทำบัญชีเอง ที่อาจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นรายได้สำหรับธุรกิจของคุณได้มหาศาล กว่าการจ่ายค่าจ้างในการทำบัญชีมาก
ข้อแนะนำ
สำหรับใครที่อยากจะทำบัญชีด้วยตัวเอง ให้ลองถามตัวคุณเองดูว่า…
คุณมีความรู้และเข้าใจเรื่องของบัญชีมากพอแล้วหรือยัง ?
คุณมีสิ่งอื่นที่คุณต้องจัดการที่สำคัญกว่าหรือเปล่า ?
คุณมีความสามารถในการจัดการและมีแรงกำลังในการจัดการเรื่องบัญชีมากน้อยแค่ไหน?
ถ้าคำตอบคือ ใช่! วิธีนี้ อาจะเป็นวิธีหนึ่งที่เหมาะสมกับคุณ
ทางเลือกที่ 2 : แผนกบัญชีในองค์กร (In-house Department)
การมีแผนกบัญชีในองค์กรของคุณเอง คือการที่คุณจ้างพนักงานในองค์กรเพิ่มเติม เพื่อมาทำหน้าที่ในส่วนของงานบัญชีโดยเฉพาะ โดยส่วนมากแล้ว หากคุณเลือกวิธีการนี้ คุณควรที่จะมีคนที่ไว้ใจได้ ในการคอยช่วยดูแลคนที่แผนกบัญชี หรือจัดการเรื่องระบบการทำงานต่างๆเพื่อให้เหมาะกับองค์กรของคุณ
ข้อดี
การที่คุณมีแผนกบัญชีขององค์กรหรือบริษัทคุณโดยตรงนั้น สามารถทำให้
– คุณมีอำนาจในการควบคุม จัดการข้อมูลและการจัดการต่างๆทางบัญชี ไม่ว่าจะเป็น การจัดการข้อมูล การเปลี่ยนแปลงข้อมูล ซึ่งคุณสามารถจัดการทุกอย่างภายในองค์กรได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการปรับจูนวัฒนธรรมและรูปแบบการทำงาน
– คุณสามารถจัดการทุกอย่างได้ตามที่คุณต้องการ
– คุณจะไม่ต้องคอยกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลอีกด้วย
ข้อเสีย
– การหาคนที่ไว้ใจได้และหาทีมงานที่ดี มีความสามารถเพียงพอที่จะช่วยคุณจัดการและคอยตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ให้ดำเนินการไปได้ด้วยดี เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก และอาจจะต้องใช้เวลา
– ในหลายๆบริษัท บุคคลที่มีหน้าที่ดูแลบัญชีการเงิน จะมีการเปลี่ยนโยกย้ายที่ทำงานกันค่อนข้างมาก ถ้าคุณไม่ได้มีการวางแผนระบบการทำงานที่ดี แต่เป็นการทำงานที่พึ่งพาตัวบุคคล จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในการส่งต่องาน หรือระบบการทำงานที่ขาดช่วงไปได้ ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจคุณในแบบที่คุณอาจคาดไม่ถึงก็เป็นได้
ข้อแนะนำ
ถ้าคุณสนใจที่จะมีแผนกบัญชีเป็นของตัวเอง คุณจะต้องถามตัวเองก่อนว่า…
คุณมีความพร้อมทางต้นทุนในการจัดตั้งแผนกบัญชีของคุณเองแล้วหรือยัง ?
คุณมีแบบแผนในการจัดการระบบต่างๆทางบัญชีเพื่อกำจัดปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการพึ่งพาบุคคลที่จะเกิดขึ้นแล้วหรือยัง ?
คุณมี Key Man ที่คุณไว้ใจและสามารถช่วยคุณดูแลแผนกบัญชีของคุณแล้วหรือยัง ?
ถ้าคำตอบคือไม่ วิธีนี้ไม่เหมาะกับคุณ!
ทางเลือกที่ 3 : สำนักงานบัญชีภายนอก (Outsource)
อีกทางเลือกการทำบัญชี สำหรับเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยการจ้างสำนักงานบัญชีภายนอก ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆและมีความรู้ทางบัญชีโดยตรง เพื่อจะช่วยลดความวุ่นวายเรื่องบัญชีให้กับคุณได้
ข้อดี
ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนคือ
– การลดความวุ่นวายปวดหัวในการจัดตั้งแผนกบัญชีและวางแผนระบบการทำบัญชีของคุณเอง และมอบเรื่องราวที่วุ่นวายน่าปวดหัว หรือสิ่งที่คุณไม่ถนัดให้กับบริษัทที่เป็นมืออาชีพ เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นคนจัดการ
– ประหยัดค่าใช้จ่ายวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นจากการจ้างพนักงานในแผนกบัญชี รวมถึงเวลาในการจัดการความวุ่นวายต่างๆของคุณเพื่อที่ คุณจะสามารถนำเอาเวลามีค่าของคุณในทุกๆวินาทีไปโฟกัสสิ่งที่คุณถนัดเพื่อสร้างรายได้
ข้อเสีย
– สำนักงานบัญชีภายนอกหลายๆที่ จะมีการปิดงบครั้งเดียวต่อปี หากมีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างปี อาจจะทำให้แก้ไขได้ไม่ทัน หรือสร้างความวุ่นวายปวดหัวในภายหลังได้
– การจ้างสำนักงานบัญชีภายนอก จะต้องอาศัยการเตรียมเอกสารให้พร้อม หากเอกสารไม่ครบ บางสำนักงานบัญชีไม่ได้มีการแนะนำหรือขอเอกสารเพิ่มเติม ทำให้คุณสามารถสูญเสียผลประโยชน์ของคุณ โดยที่คุณไม่รู้ตัว
– สำนักงานบัญชีภายนอกส่วนมาก จะทำตามเอกสารและสิ่งที่คุณส่งมอบให้ และทำตามข้อกำหนดทางกฎหมายขั้นพื้นฐานเท่านั้น โดยไม่ได้ช่วยวางแผนจัดการหรือให้คำแนะนำด้านบัญชีเพิ่มเติม
– เนื่องจากเป็นสำนักงานภายนอกองค์กร ทำให้มีขั้นตอนในการส่งต่อข้อมูล ทำให้ไม่เห็นข้อมูลแบบอัพเดทเพียงพอ แถมยังอาจจะต้องมีระยะเวลาในการขอดูเอกสารต่างๆ หากนอกเหนือจากช่วงปิดงบประมาณประจำปีที่สำนักงานบัญชีทั่วๆไปทำกัน ซึ่งทำให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะหากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน ช่วงเวลาที่คุณตรวจพบกับปัญหาที่ผิดพลาด อาจจะเป็นช่วงเวลาที่สายเกินแก้ไขได้แล้ว ก็เป็นได้
ข้อแนะนำ
– สำนักงานบัญชีแต่ละที่มีความเป็นมืออาชีพที่แตกต่างกัน มีราคาต่างกัน เป็นเรื่องยากมาก ที่จะรู้ว่า สำนักงานบัญชีที่ราคาถูกจะให้บริการได้ดีจริงหรือไม่? เพราะการจ้างสำนักงานบัญชีที่ราคาถูก อาจจะช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่อาจะต้องแลกมาด้วย โอกาสเสียประโยชน์มหาศาลจากความผิดพลาดในอนาคตได้
– หากคุณเลือกใช้วิธีการนี้ คุณควรขอเอกสารรายปีทุกครั้ง หลังจากจัดการปิดบัญชีในปีนั้นๆเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เอกสารค้างอยู่กับสำนักงานบัญชี
– ควรหมั่นตรวจสอบการทำงานของสำนักงานบัญชีภายนอกด้วย ไม่ควรประมาทและปล่อยปละละเลย ไว้ใจสำนักงานบัญชีภายนอกมากเกินไป
*หากคุณมีสำนักงานบัญชีภายนอกอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยได้ตรวจสอบการทำงาน ทางเราแนะนำให้คุณลองแจ้งทางสำนักงานบัญชีภายนอกที่คุณใช้บริการอยู่ ว่าจะมีสรรพากรมาตรวจสอบ! และให้คุณดูการตอบรับจากสำนักงานบัญชีภายนอกนั้น ว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน เพราะในหลายๆครั้ง สำนักงานบัญชีจะพยายามหาหนทางเพื่อหลีกเลี่ยงหรือให้คุณเจรจากับทางสรรพากร
แต่หากคุณมีสำนักงานบัญชีที่ดีและมีคุณภาพจริง ทางสำนักงานจะไม่มีความกลัวใดๆ และมีหลักฐาน เอกสารพร้อมให้สรรพากรตรวจสอบได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณลองวิธีนี้ แล้วสำนักงานบัญชีที่คุณใช้บริการอยู่ไม่มีความพร้อมเพียงพอ เราขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนบริษัทในการให้บริการ! 😀
ทางเลือกที่ 4 : สำนักงานบัญชี และที่ปรึกษา (Advisory)
ในปัจจุบัน เริ่มมีหลายๆสำนักงานบัญชี ที่เห็นถึงปัญหาวุ่นวายมากมายที่เกิดขึ้น จากการแค่รับทำบัญชีให้กับบริษัท องค์กรหรือเจ้าของกิจการ จึงเพิ่มบริการที่ให้คำปรึกษาการทำบัญชีควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นให้คำปรึกษาเรื่องการบริหารจัดการบัญชีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การวางระบบต่างๆ เพื่อเอื้อความสะดวกในการทำบัญชี รวมไปถึงการปรึกษาระบบการทำบัญชีอัตโนมัติ เพื่อลดเวลา ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านแรงงานคน รวมถึงลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะมีการบริการให้คำแนะนำทีมงานในองค์กรของคุณ หากคุณมีแผนกบัญชีหรือคนทำบัญชีของตัวเองเพิ่มเติมเข้าไปด้วย
ข้อดี
ไม่ว่าคุณจะมีแผนกบัญชีในองค์กรหรือไม่ การใช้บริการในรูปแบบนี้ จะทำให้คุณมีระบบการทำบัญชีที่ดี มีประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นได้ค่อนข้างมาก ทำให้คุณสามารถที่จะขยายกิจการ หรือสร้างธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้ ด้วยค่าใช้จ่ายที่ประหยัดลง และปัญหาที่ปวดหัวตามมาน้อยลง
กรณีที่คุณไม่มีแผนกบัญชีภายในองค์กร
– การมีสำนักงานบัญชีภายนอกที่เป็นที่ปรึกษาให้ด้วย จะช่วยลดความวุ่นวายปวดหัวในการจัดตั้งแผนกบัญชีและวางแผนระบบการทำบัญชีของคุณเอง ซึ่งทางสำนักงานบัญชีแบบที่ปรึกษานี้ จะช่วยให้คำแนะนำในการวางแผนจัดการระบบต่างๆ ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณอีกด้วย
– สำนักงานบัญชีแบบนี้ มักให้คำปรึกษาธุรกิจมากหลากหลายรูปแบบ เรียนรู้และมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาและเห็นข้อผิดพลาดต่างๆมามากมาย ทำให้คุณลดความกังวลถึงปัญหาทางบัญชีที่จะเกิดขึ้น จากความไม่รู้ หือปัญหาเฉพาะสายงานของธุรกิจคุณได้มากขึ้น
– ประหยัดค่าใช้จ่ายวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นจากการจ้างพนักงานในแผนกบัญชี รวมถึงเวลาในการจัดการวางแผนระแบบบัญชี ภาษีต่างๆที่วุ่นวาย คุณจะได้สามารถนำเอาเวลามีค่าของคุณในทุกๆวินาทีไปโฟกัสสิ่งที่คุณถนัดเพื่อสร้างรายได้
กรณีที่คุณมีแผนกบัญชีภายในองค์กร
– หากคุณมีแผนกบัญชีอยู่แล้วแต่ไม่มั่นใจในข้อมูลหรือการวางระบบบัญชีของคุณ สามารถใช้บริการการให้คำปรึกษา หรือสามารถลดหน้าที่แผนกบัญชีบางส่วนที่คุณขาดอยู่ ให้สำนักงานบัญชีประเภทนี้ช่วยเหลือได้ เพื่อลดความผิดพลาดต่างๆที่จะเกิดขึ้น และทำให้การทำบัญชีของคุณไม่เป็นเรื่องยากที่น่าปวดหัวอีกต่อไป
ข้อเสีย
– การใช้บริหารสำนักงานบัญชีรูปแบบนี้ มักมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เพราะบริการรูปแบบนี้จะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และจะต้องใช้เวลาและความเข้าใจที่มีต่อธุรกิจ เพื่อออกแบบระบบและวิธีการทำงานที่เหมาะสม รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านต่างๆ เพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด
– การทำงานที่สะดวกขึ้น จะแลกมาด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริม ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงตามมา ซึ่งคุณอาจจะต้องคำนวณความคุ้มค่าในระยะยาวให้ดี
ข้อแนะนำ
หากคุณสนใจการทำบัญชีรูปแบบนี้ คุณควรที่จะต้องมีงบประมาณที่มากเพียงพอ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับคุณภาพการบริการที่มีประสิทธิภาพที่จะเกิดขึ้น และคุณควรจะต้องตรวจสอบสำนักงานบัญชีที่จะให้คำปรึกษาให้แก่คุณ ว่ามีความสามารถมากพอหรือไม่ มีประสบการณ์และมีแนวคิดตรงกับคุณหรือไม่? เพราะหากรูปแบบการทำงานของคุณและสำนักงานบัญชีต่างกัน จะทำให้เกิดปัญหาในการทำงานขึ้นได้
ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ
“การทำบัญชี” จะแลกมาด้วยราคาที่คุณต้องจ่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายด้วยเงิน จ่ายด้วยสุขภาพจิตของคุณ หรือจ่ายด้วยการใช้เวลาของคุณ ขึ้นอยู่กับว่า คุณมีความพร้อมที่จะจ่ายด้านไหน และพร้อมที่จะจ่ายแค่ไหนให้กับคุณและธุรกิจ
หากคุณอยากจ่ายในราคาที่ไม่สูง แน่นอนว่าคุณจะต้องแลกมาด้วยเวลาที่เสียไป หรืออาจหมายรวมถึง โอกาสในการเกิดปัญหาที่มากขึ้นในอนาคต หรือหากคุณพร้อมที่จะจ่ายในราคาที่เหมาะสม เพื่อแลกกับมูลค่าที่คุณจะได้รับในอนาคต ด้วยความมั่นคง การตรวจสอบได้ ความแม่นยำที่มีมากขึ้น พร้อมๆกับปัญหาที่จะมาน้อยลง
แบบไหนคุ้มค่าและเหมาะกับคุณมากกว่ากัน ?
ถ้าหากคุณอยากมองหาบริการที่ดีแต่ราคาถูก สำนักงานบัญชีของเรา อาจะไม่เหมาะกับคุณ เพราะเราไม่อยากที่จะเก็บค่าบริการน้อยๆ แต่ต้องหาลูกค้าหลายๆคน เพื่อดำเนินธุรกิจ แต่เราอยากจะบริการลูกค้าไม่เยอะมาก แต่ให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลมากที่สุด!
เพราะฉะนั้น หากคุณสนใจสำนักงานบัญชี ที่พร้อมเป็นที่ปรึกษา ช่วยจัดการบัญชี วางแผน วางระบบต่างๆ และยังมีแนวคิดแบบเจ้าของธุรกิจ! ในราคาที่คุ้มค่า! คุณสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อติดต่อมาร่วมงานด้วยกันกับพวกเราได้ 🙂
ถ้าคุณคือคนที่ใช่…อย่ารอช้า!
พวกเราให้คำปรึกษาได้เพียง 10 เคส ต่อเดือนเท่านั้น
คลิกที่ปุ่ม เพื่อตรวจสอบว่าเรายังเปิดรับสมัครเคสเพิ่มในเดือนนี้หรือไม่
หมายเหตุ : การลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษา ไม่ได้การันตีว่าจะได้ใช้บริการของเราทั้งหมด